เราทุกคนต่างรู้ว่า DHA, EPA และ Omega-3s เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ประโยชน์ของ DHA, EPA และ Omega-3s นั้นมีความสำคัญมากกว่าที่คิด? และนี่คือ 8 เหตุผลที่เราควรเสริม DHA, EPA และ Omega-3s ในชีวิตประจำวัน
1. DHA สนับสนุนการพัฒนาของดวงตาในทารกในครรภ์และทารกที่กินนม
การศึกษาชี้ให้เห็นว่า DHA จากแม่สามารถช่วยพัฒนาการของดวงตาในทารกในครรภ์และทารกที่กินนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าการบริโภค DHA อย่างน้อย 200 มิลลิกรัมต่อวันเป็นประโยชน์ของ DHAต่อการพัฒนาของดวงตา
2. DHA สนับสนุนการพัฒนาของสมองในทารกในครรภ์และทารกที่กินนม
ไม่เพียงแค่ดวงตา DHA ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาของสมองในทารกในครรภ์และทารกที่กินนมอีกด้วย การบริโภค DHA อย่างน้อย 200 มิลลิกรัมต่อวันสามารถส่งเสริมการพัฒนาของสมองได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ของ DHAที่สำคัญ
3. DHA สนับสนุนการพัฒนาของระบบการมองเห็นในทารกอายุถึง 12 เดือน
นอกจากการพัฒนาของดวงตาและสมองแล้ว DHA ยังมีประโยชน์ของ DHAต่อการพัฒนาของระบบการมองเห็นในทารกอายุถึง 12 เดือน โดยพบว่าการบริโภค DHA อย่างน้อย 100 มิลลิกรัมต่อวันสามารถส่งเสริมการพัฒนาของระบบการมองเห็นได้เป็นอย่างดี
4. DHA สนับสนุนการทำงานของหัวใจ
ไม่เพียงแค่ประโยชน์ต่อสุขภาพของทารกเท่านั้น EPA และ DHA ยังมีประโยชน์ของ DHAต่อการทำงานของหัวใจในผู้ใหญ่อีกด้วย โดยพบว่าการบริโภค EPA และ DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัมต่อวันสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี
5. DHA ช่วยควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
นอกจากประโยชน์ต่อหัวใจแล้ว EPA และ DHA ยังช่วยควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้อีกด้วย โดยพบว่าการบริโภค EPA และ DHA อย่างน้อย 2 กรัมต่อวัน หรือ DHA อย่างน้อย 2 กรัมต่อวัน สามารถช่วยควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ของ DHAที่น่าสนใจ
6. DHA ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
นอกจากการควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์แล้ว EPA และ DHA ยังสามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้อีกด้วย โดยพบว่าการบริโภค EPA และ DHA อย่างน้อย 3 กรัมต่อวันสามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ของ DHAที่ไม่ควรมองข้าม
7. DHA สนับสนุนการทำงานของสมอง
DHA ยังมีประโยชน์ของ DHAต่อการทำงานของสมองในผู้ใหญ่อีกด้วย โดยพบว่าการบริโภค DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัมต่อวันสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี
8. DHA สนับสนุนการทำงานของระบบการมองเห็น
เช่นเดียวกับการพัฒนาของระบบการมองเห็นในทารก DHA ยังมีประโยชน์ของ DHAต่อการทำงานของระบบการมองเห็นในผู้ใหญ่อีกด้วย โดยพบว่าการบริโภค DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัมต่อวันสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบการมองเห็นได้เป็นอย่างดี จากเหตุผลทั้ง 8 ประการข้างต้น จะเห็นได้ว่า DHA, EPA และ Omega-3s มีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของทารกในครรภ์และทารกที่กินนม หรือการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในผู้ใหญ่ ดังนั้น การเสริม DHA, EPA และ Omega-3s ลงในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
คำถามที่พบบ่อย
ปริมาณ DHA, EPA และ Omega-3s ที่ควรบริโภคต่อวัน?
ปริมาณที่แนะนำสำหรับการบริโภค DHA, EPA และ Omega-3s ต่อวัน คือ:
- สำหรับทารกในครรภ์และทารกที่กินนม: DHA อย่างน้อย 200 มิลลิกรัม
- สำหรับผู้ใหญ่: EPA และ DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัม หรือ DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัม
- สำหรับการควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์: EPA และ DHA อย่างน้อย 2 กรัม หรือ DHA อย่างน้อย 2 กรัม
- สำหรับการควบคุมระดับความดันโลหิต: EPA และ DHA อย่างน้อย 3 กรัม
DHA จากสาหร่ายดีกว่า DHA จากปลาหรือไม่?
DHA จากสาหร่ายมีคุณภาพและความบริสุทธิ์สูงกว่า DHA จากปลา เนื่องจากสาหร่ายเป็นแหล่งธรรมชาติของ DHA ที่ไม่ผ่านการเพาะเลี้ยง ทำให้ได้ DHA ที่มีความบริสุทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงกว่า
ใครควรเสริม DHA, EPA และ Omega-3s?
ทุกคนควรเสริม DHA, EPA และ Omega-3s ลงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นทารกในครรภ์และทารกที่กินนม หรือผู้ใหญ่ เนื่องจาก EPA และ DHA Omega-3s มีความสำคัญต่อสุขภาพของเราทุกช่วงวัย
บทสรุป: ในทุกช่วงของชีวิต DHA, EPA และ Omega-3s มีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของทารกในครรภ์และทารกที่กินนม หรือการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในผู้ใหญ่ ดังนั้น การเสริม EPA และ DHA Omega-3s ลงในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ของ DHAอย่างเต็มที่
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DHA และ EPA สามารถดูได้ที่นี่ และเรียนรู้เกี่ยวกับ GOED